สภายุโรป ประณามไทยส่งอุยกูร์กลับจีน อาจใช้ FTA กดดันไทยเรื่องสิทธิเสรีภาพ

รัฐสภายุโรป มีมติประณามไทย กรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่รัฐบาลไทยตัดสินใจส่งตัวคนอุยกูร์ 40 คนจากกรุงเทพฯ ไปยังประเทศจีน และมีการเสนอให้ใช้การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement-FTA) เพื่อกดดันให้ไทยปรับตัวเรื่องสิทธิและเสรีภาพ

“รัฐสภาประณามการเนรเทศผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีน และเรียกร้องให้ประเทศไทยหยุดการบังคับส่งตัวกลับประเทศที่ชีวิตของประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยงอีกต่อไป” เว็บไซต์ รัฐสภายุโรป ระบุ

การลงคะแนนมีขึ้นในวันที่ 14 มี.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งญัตติประณามไทยเรื่องการส่งชาวอุยกูร์ไปยังจีน และเรียกร้องให้ไทยยุติการบังคับเนรเทศบุคคลไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงต่อชีวิต ได้รับการสนับสนุน 482 เสียง ต่อ 57 เสียงที่ไม่เห็นด้วย และอีก 68 คนงดออกเสียง

“สมาชิกรัฐสภาฯ เรียกร้องให้คณะกรรมาธิการใช้ประโยชน์จากการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีเพื่อกดดันให้ประเทศไทยปฏิรูปกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ปล่อยตัวนักโทษการเมือง หยุดการเนรเทศผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ และให้สัตยาบันอนุสัญญาหลักทั้งหมดขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization-ILO)” รัฐสภายุโรป ระบุ

สมาชิกรัฐสภายุโรป เรียกร้องให้รัฐบาลไทยให้สิทธิ์สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees-UNHCR) ในการเข้าถึงผู้ขอสถานะผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมดโดยไม่จำกัด และเปิดเผยข้อมูลสถานะของผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์

“สมาชิกรัฐสภาฯ ต้องการให้ไทยเสริมสร้างมาตรฐานสิทธิมนุษยชน และนิรโทษกรรม นักการเมือง และนักกิจกรรม ซึ่งถูกใช้กฎหมายที่กดขี่ และถูกลงโทษจากกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขณะเดียวกัน ต้องการให้ระงับสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับจีน และจีนต้องเคารพสิทธิพื้นฐานของชาวอุยกูร์ รวมทั้งปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัว” ข้อเรียกร้อง ตอนหนึ่ง

การประณามครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ กรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่มีรถบรรทุกซึ่งถูกปิดเทปสีดำ 6 คัน เคลื่อนออกจาก สตม. สวนพลู มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง ต่อมารัฐบาลไทยได้แถลงในภายหลังว่า ได้ตกลงร่วมกับรัฐบาลจีนในการส่งคนอุยกูร์ 40 คนกลับไปยังจีน ท่ามกลางความกังวลของนานาชาติว่า คนอุยกูร์เหล่านี้จะได้รับอันตราย

ต่อการประณามครั้งนี้ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลจะได้หารือร่วมกันเพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าวต่อสหภาพยุโรปต่อไป

“ยังไม่ได้ดูในรายละเอียด ว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และ FTA ด้วยหรือไม่ ต้องพูดคุยในรัฐบาล และฟังจากกระทรวงต่างประเทศที่เตรียมการเรื่องนี้อยู่แล้ว คิดว่า เราสามารถชี้แจงได้ว่าเราปฏิบัติตามกฎหมาย” พ.ต.อ. ทวี กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักสิทธิร้อง UN ถอดไทยจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนฯ หลังส่งอุยกูร์ไปจีน Opens in new window ]

องค์กรสิทธิกังวล ไทยส่งอุยกูร์ 40 คน กลับจีนOpens in new window ]

เปิดหลักฐาน กต. ระบุ มี 3 ประเทศ ยินดีให้คนอุยกูร์ไปลี้ภัยOpens in new window ]

ด้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน ชี้ว่า การถูกประณามครั้งนี้อาจสะท้อนว่าการตัดสินใจที่เกิดขึ้น รัฐบาลดำเนินการผิดพลาด

“สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า กฎหมายของไทยบางเรื่อง และการปฏิบัติของรัฐบาลไทยหลายกรณีไม่ได้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน การเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ว่าจีน หรือสหรัฐอเมริกา จะหนีไม่พ้นการถูกวิพากษณ์วิจารณ์จากอีกฝ่าย แต่หากดำเนินนโยบายโดยมีหลัก เช่น หลักสิทธิมนุษยชนสากล ประเทศใดประเทศหนึ่ง ก็จะไม่สามารถว่าไทยได้ เนื่องจากเป็นหลักที่สากลให้การยอมรับ” นายณัฐพงษ์ กล่าว

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯ, สหภาพยุโรป, องค์กรสิทธิมนุษยชน และองค์กรอิสลามหลายองค์กรจากนานาชาติ ได้ประณามการตัดสินใจของรัฐบาลไทย และแสดงความกังวลว่า คนอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับไปทั้งหมดอาจต้องเผชิญความเสี่ยงต่อการถูกละเมิดด้านร่างกาย และสิทธิเสรีภาพ

ในปี 2557 ไทยเคยผลักดันคนอุยกูร์เพศชาย 109 คน กลับไปยังจีน ขณะที่ส่งคนอุยกูร์เพศหญิง และเด็กไปยังประเทศที่สาม คือ ตุรกี 173 คน มีการเปิดเผยภาพว่า คนอุยกูร์ที่ถูกส่งไปจีนถูกคลุมศีรษะ และคุมตัวคล้ายนักโทษ

ต่อมา เดือน ส.ค. 2558 ได้เกิดเหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า เป็นการกระทำเพื่อตอบโต้การส่งคนอุยกูร์กลับจีน เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งได้รับความนิยมจากคนจีน ปัจจุบัน คดีระเบิดราชประสงค์ยังคงอยู่ในการพิจารณาของศาลอาญากรุงเทพใต้

ชาวอุยกูร์ คือ กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (Xinjiang Uyghur Autonomous Region - XUAR) ในภาคตะวันตกของจีน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่นับถือศาสนาอิสลาม และมีภาษาพูดเป็นของตัวเอง

สหประชาชาติ (UN) เคยรายงานว่า จีนกักขังชาวอุยกูร์ และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ 1.8 ล้านคน ในค่ายกักกันมีการทรมาน บังคับทำหมัน บังคับใช้แรงงาน รวมถึงห้ามให้ปฏิบัติตามประเพณี ภาษา วัฒนธรรม และศาสนา

“ถ้าไทยไม่ยึดหลักสิทธิมนุษยชนสากล ไทยจะเสียภาพลักษณ์ในเวทีระหว่างประเทศ รัฐบาลไม่ควรมัวแต่พร่ำบอกว่า คนอุยกูร์สมัครใจเดินทางกลับจีน หรือไม่มีประเทศไหนพร้อมรับ เพราะไทยรู้อยู่แล้วว่า แนวทางการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนไม่ใช่การส่งพวกเขากลับไปจีน แต่เป็นการส่งเขาไปประเทศที่สามเพื่อตั้งถิ่นฐานใหม่” นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยกับเบนาร์นิวส์

ปัจจุบัน มูลนิธิศักยภาพชุมชน ระบุว่า มีคนอุยกูร์เหลืออยู่ในประเทศไทย 10 คน ประกอบด้วย คนอุยกูร์ 5 คน ที่อยู่ในเรือนจำคลองเปรม จากความผิดฐานแหกห้องกัก สตม. จ.มุกดาหาร เมื่อเดือน ม.ค. 2563 คนอุยกูร์ 2 คนซึ่งเป็นจำเลยคดีระเบิดราชประสงค์ ปี 2558 และอีก 3 คนซึ่งอยู่ในห้องกัก สตม. สวนพลู เนื่องจากถือหนังสือเดินทางของชาติอื่นที่ไม่ใช่จีน

“กรณีนี้ ยังมองไม่เห็นว่า ไทยหรือคนอุยกูร์ได้ประโยชน์อะไรจากการส่งกลับ การถูกประณามจากรัฐสภายุโรป และการที่ไทยอาจถูกผลกระทบจากมาตรการของประเทศยุโรป ยิ่งตอกย้ำว่า การส่งกลับคนอุยกูร์ครั้งนี้ไทยได้ไม่คุ้มเสีย เพราะชัดเจนมากว่า ไทยละเมิดหลักการไม่ส่งกลับคนไปเผชิญอันตราย” น.ส. พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวกับเบนาร์นิวส์

รุจน์ ชื่นบาน ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน